Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children เป็นภาพยนตร์ที่ฉายในปี 2016 ที่สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันในปี 2011 โดย Ransom Riggs และเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่มีเรื่องราวน่าตื่นเต้นและน่าสนใจ
8 ความจริงเกี่ยวกับ Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านพักซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมเด็กที่มีพลังพิเศษเอาไว้ เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ชื่นชอบเรื่องราวแฟนตาซีไม่ควรพลาด
ภาพยนตร์เรือ่งนี้อ้างอิงมาจากนิยายของ Ransom Riggs ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพถ่ายแปลกประหลาดที่ซื้อมาจากตลาดขายของเก่า เป็นภาพถ่ายที่ดูลึกลับ และเนื่องจากไม่มีใครรู้เรื่องราวเบื้องหลัง ภาพถ่ายเหล่านี้จึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเขาในการแต่งเรื่องขึ้นมา และยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับ Tim Burton ด้วยเช่นกัน
หนึ่งในนักแสดงที่รับบทสำคัญในเรื่องคือ Eva Green รับบทเป็น Miss Peregrine ผู้ดูแลบ้านและเด็กๆ ที่มีพลังพิเศษ เธอเองก็มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นนกได้ ผู้ออกแบบเสื้อผ้าจึงออกแบบให้เสื้อผ้าของเธอมีความคล้ายคลึงกับปีกของนก แต่ไม่อยากให้ดูชัดเจนมากเกินไป ทำให้เธอดูเหมือน แมรี่ ป๊อปปินส์ ที่มีความน่ากลัวหน่อยๆ
เด็กๆ ในบ้านของ Miss Peregrine ล้วนมีพลังพิเศษที่น่าทึ่ง ยกตัวอย่างเช่น Olive สามารถยิงไฟออกมาจากปลายนิ้วได้ Bronwyn ที่มีความแข็งแกร่งเกินมนุษย์ Millard เด็กล่องหน ฝาแฝดที่มีพลังจิต และ Emma ที่บินได้
Asa Butterfield และ Ella Purnell รับบทเป็นสองหนุ่มสาวที่หลงรักกัน และเบื้องหลังพวกเขาก็ยังกลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เนื่องจากยังเรียนหนังสืออยู่ ทั้งสองคนจึงช่วยกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์และเขียนเรียงความในช่วงพัก
พลังพิเศษของ Emma และ Olive ถูกสับเปลี่ยนกัน ในหนังสือ Emma สามารถเสกไฟออกมาจากปลายนิ้วได้ ส่วน Olive สามารถลอยตัวในอากาศได้ แต่ในภาพยนตร์ถูกสลับกัน
แม้ว่าภาพยนตร์จะแตกต่างจากหนังสือต้นฉบับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว Ransom Riggs ผู้เขียนหนังสือก็ยังไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวผู้กำกับ Tim Burton และออกมาปกป้องเขาหลายครั้งหลายครา
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ Samuel L. Jackson รับบทเป็นตัวร้ายอย่าง Barron หัวหน้ากลุ่มตัวร้ายที่มีเส้นผมสีขาว เขาและกลุ่มตัวร้ายออกตามล่าเด็กที่มีพลังพิเศษเพื่อค้นหาความเป็นอมตะ
วงดนตรี Florence and the Machine จากสหราชอาณาจักร ได้มาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ในเพลง Wish That You Were Here ที่เข้ากับเรื่องราวของภาพยนตร์เป็นอย่างดี
ที่มา: hype