คนที่ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ คงต้องเคยเรียนเรื่องราวเกี่ยวกับยุคกลางในยุโรปมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การเมือง หรือวัฒนธรรมแล้ว ก็ยังมีอีกหลายสิ่งน่าสนใจที่ไม่เคยได้เรียนมาก่อนเช่นกัน
ความจริงน่ารู้เกี่ยวกับทวีปยุโรปในช่วงยุคกลาง คือช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างจากปัจจุบัน
ในยุคกลางไม่มีคำที่ผู้ชายใช้ขอผู้หญิงแต่งงาน พวกเขาจะรู้ว่าผู้หญิงตกลงก็ต่อเมื่อพวกเธอรับของขวัญที่ถูกเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า wed โดยของขวัญนั้นอาจจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแหวนหมั้นนั่นเอง
การหย่าร้างก็แตกต่างจากยุคปัจจุบันมากเช่นกัน โดยการหย่าร้างไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ทันทีถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะสมัครใจ แต่ทำได้โดยการพิสูจน์ว่าการแต่งงานไม่ได้เกิดขึ้นจริง ไม่ถูกต้อง
พระเจ้าการ์โลสที่ 2 แห่งสเปน กษัตริย์แห่งสเปนที่ปกครองทั้งสเปนและโปรตุเกส มีคางที่มีรูปร่างแตกต่างไปจากคนปกติ เนื่องจากว่ามีอาการ Habsburg jaw หรือขากรรไกรล่างยื่นยาวจนเคี้ยวอาหารแทบไม่ได้ และมีพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาช้ากว่าปกติ เกิดจากโรคทางพันธุกรรมเมื่อญาติที่มีสายเลือดใกล้ชิดกันแต่งงานกัน
การรักษาพยาบาลในยุคกลางนั้นมีสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่มากมายด้วยกัน อย่างเช่นการทำยาด้วยการผสมหัวหอม กระเทียม ไวน์ น้ำดีของวัว หมักทิ้งไว้นาน 9 วัน ทาลงบนดวงตาโดยใช้ขนนก ซึ่งสามารถรักษาตากุ้งยิงได้
และการตรวจปัสสาวะนั้นก็มีมาตั้งแต่ยุคกลางแล้ว โดยแพทย์เชื่อว่าการตรวจดูปัสสาวะของผู้ป่วยสามารถช่วยให้ระบุุได้ว่าเขาหรือเธอนั้นป่วยหรือไม่ป่วยเป็นโรคใดหรือไม่
มีทฤษฎีที่เชื่อว่าสตรีในยุคกลางเลี้ยงสัตว์บางชนิดไว้เพื่อช่วยจับแมลงที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์โดยเฉพาะ อย่างเช่นตัวเออร์มินในภาพวาดที่โด่งดังอย่าง Lady with an Ermine โดย Leonardo da Vinci
ถึงแม้ว่าสตรีในยุคกลางส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Christine de Pizan นักเขียนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1365-1430 ที่ถือว่าเป็นผู้ก่อตั้งแนวคิดสตรีนิยมหรือ เฟมินิสต์ ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือ The Book of the City of Ladies ว่าผู้หญิงนั้นมีความเท่าเทียมกับผู้ชายหลายอย่างด้วยกัน
ที่มา: brightside
